น้ำมันหอมระเหยซื้อที่ไหน? แนะนำ 3 น้ำมันหอมระเหยของ Aroma Aromdee ที่ควรมีติดกระเป๋า

น้ำมันหอมระเหยซื้อที่ไหนดี? คือคำถามสั้นๆ ที่หลายคนมักถามกันบ่อย โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มสนใจน้ำมันหอมระเหยอย่างจริงจัง หลายคนอาจเคยลองเข้าไปค้นหาใน Lazada หรือ Shopee กันบ้างแล้ว แต่อาจยังไม่กล้าซื้อด้วยตัวเอง เพราะไม่มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย เพื่อไขข้อข้องใจให้ทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับน้ำมันหอมระเหยกันมากขึ้น Aroma Aromdee จะมาแนะนำเรื่องนี้เอง พร้อมชี้เป้าให้ทุกคนได้รู้แหล่งขายน้ำมันหอมระเหยคุณภาพ และแนะนำกลิ่นยอดฮิตที่ควรมีติดกระเป๋าเอาไว้ด้วย 

ทำความรู้จักกับน้ำมันหอมระเหย ศาสตร์แห่งกลิ่นบำบัดขจัดความเครียด

ก่อนจะไปหาคำตอบกันว่าน้ำมันหอมระเหยซื้อที่ไหนดี? เรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่าน้ำมันหอมระเหยคืออะไร สำหรับคนไทยแล้ว เรามักคุ้นเคยกันดีกับการบำบัดอาการต่างๆ ด้วยกลิ่นหอม ไม่ว่าจะเป็นการดมพิมเสนหรือยาดมเพื่อบรรเทาอาการเวียนหัว ซึ่งน้ำมันหอมระเหยหรือเอสเซนเชียลออยล์ (Essential Oil) ก็เป็นหนึ่งในศาสตร์ที่ใช้กลิ่นหอมเพื่อบำบัดเช่นกัน โดยได้มาจากการกลั่นพุ่มไม้ ดอกไม้ ต้นไม้ รากไม้ ผลไม้ เปลือกไม้ ยางไม้ และสมุนไพรหลายชนิด จึงประกอบด้วยสารประกอบอินทรีย์จากธรรมชาติหลายร้อยชนิดที่ส่งผลดีต่อมนุษย์ สามารถช่วยให้สุขภาพดีขึ้น มีระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น หายใจสะดวก ภูมิคุ้มกันดี ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีอารมณ์ดี ช่วยปรับฮอร์โมนให้สมดุล รวมถึงบรรเทาความเครียดได้ด้วย 

วิธีการใช้น้ำมันหอมระเหยที่ถูกต้อง

นอกจากคำถามยอดฮิตอย่างน้ำมันหอมระเหยซื้อที่ไหน? อีกหนึ่งคำถามที่หลายคนสนใจไม่แพ้กันคือน้ำมันหอมระเหยใช้งานอย่างไร น้ำมันหอมระเหยสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ด้วยกันทั้งหมด 3 วิธี คือ 

  1. การทาเฉพาะที่ (ถูบนผิวหนัง) วิธีนี้จะพบน้ำมันหอมระเหยในกระแสเลือดภายใน 26 วินาที
  2. การกินเข้าไปและปรุงอาหาร วิธีนี้จะพบทันทีเมื่อทานเข้าไป
  3. การพ่นเป็นละอองในอากาศและใช้สูดดม วิธีนี้จะใช้เวลา 3 วินาทีในการเข้าสู่ร่างกาย

หลังจากใช้น้ำมันหอมระเหยแล้ว จะใช้เวลา 3-6 ชั่วโมงในการขับออก (สำหรับคนที่มีร่างกายปกติและแข็งแรง)

เคล็ด (ไม่) ลับในการเลือกซื้อน้ำมันหอมระเหย

1.เลือกจากเกรดของน้ำมันหอมระเหย

การจะเลือกน้ำมันหอมระเหยให้ดี ต้องเลือกจากเกรดของน้ำมันหอมระเหย โดยน้ำมันหอมระเหยมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 เกรดคือ

  1. เกรด A: น้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ (Authentic Essential Oil) มีความบริสุทธิ์ 100% ไม่มีการผสมสารสังเคราะห์เพิ่มเติมในขวด เป็นเกรดบำบัดชั้นดีที่ช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ได้ 
  2. เกรด B: น้ำมันหอมระเหยผสม (Manipulated Essential Oil) มีการผสมสารเติมแต่งกลิ่นเพื่อทำให้หอมขึ้น
  3. เกรด C: น้ำหอม (Perfume) ไม่บริสุทธิ์ มักมีการผสมสารสังเคราะห์เพื่อเพิ่มความหอม
  4. เกรด D: น้ำมันสังเคราะห์ (Synthetic Essential Oil) ไม่ใช่น้ำมันหอมระเหยที่แท้จริง เพียงใช้สารเคมีแต่งกลิ่นเลียนแบบขึ้นมา 

จากทั้งหมด 4 เกรดที่กล่าวมา ควรเลือกน้ำมันหอมระเหยเกรด A น้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ เพราะเป็นน้ำมันหอมระเหยแท้จากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีสังเคราะห์ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แม้มีราคาแพงกว่า แต่คุณภาพในการผลิตย่อมสูงกว่าตามไปด้วย และที่สำคัญ ก่อนทำการซื้อน้ำมันหอมระเหยต้องมั่นใจว่าที่ฉลากบรรจุมีการระบุชัดเจนว่าเป็น 100% Essential Oils (น้ำมันหอมระเหย) ไม่ใช่ Fragrance หรือ Perfume (น้ำหอม) ที่เกิดจากสารเคมีเพื่อสร้างกลิ่นสังเคราะห์

2. ขวดบรรจุต้องเป็นขวดแก้วทึบเท่านั้น

น้ำมันหอมระเหยมีความไวต่อแสงมาก จึงต้องถูกบรรจุอยู่ในขวดแก้วทึบเท่านั้น หากบรรจุไว้ในขวดพลาสติกใสสรรพคุณจะลดลง อีกทั้งยังทำปฏิกิริยากับพลาสติกจนกลายเป็นสีขุ่น ดังนั้นน้ำมันหอมระเหยแท้ได้มาตรฐานจะต้องบรรจุอยู่ในขวดแก้วทึบ และมีจุกยางปิดที่ทำมาจากพลาสติกชนิดพิเศษที่ไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำมันหอมระเหย

3. ศึกษาบริษัทผู้ผลิตก่อนเลือกซื้อ

การตรวจสอบผู้ผลิตก่อนซื้อจะทำให้เรามั่นใจในคุณภาพการผลิตได้ว่ามีกรรมวิธีในการผลิตอย่างไร แล้วพืชที่ใช้ในการผลิตได้รับการดูแลแบบไหน ใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารกำจัดศัตรูพืชที่เป็นอันตรายหรือไม่ นอกจากนี้ควรอ่านรีวิวเพิ่มเติมประกอบการพิจารณา รวมถึงศึกษาเรื่องสรรพคุณที่แต่ละบริษัทโฆษณาเอาไว้ แล้วเปรียบเทียบกับข้อมูลแหล่งอื่นก่อนตัดสินใจซื้อด้วย

ภาพประกอบเนื้อหา น้ำมันหอมระเหยซื้อที่ไหน? แนะนำ 3 น้ำมันหอมระเหยของ Aroma Aromdee ที่ควรมีติดกระเป๋า - ชื่อไฟล์ aromaaa

แนะนำ 3 น้ำมันหอมระเหยยอดฮิตของ Aroma Aromdee ที่ควรมีติดกระเป๋า

1. กลิ่น Peppermint Essential Oil

กลิ่นยอดฮิตกลิ่นแรกคือ Peppermint Essential Oil ที่จะช่วยให้วันหม่นๆ ของคุณแจ่มใสไปทั้งวัน ด้วยกลิ่นหอมสดชื่นเย็นสบายที่สามารถช่วยให้มีสมาธิไว้โฟกัสกับสิ่งต่างๆ มากขึ้น โดยสารเมนทอลใน Peppermint ยังช่วยบรรเทาอาการกล้ามเนื้ออ่อนล้าหลังออกกำลังกายได้ด้วย นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร ทำให้สบายท้องมากขึ้น รับรองว่าหากมีติดกระเป๋าไว้ต้องอุ่นใจแน่นอน

2. กลิ่น Lemon Essential Oil

เติมความร่าเริงซาบซ่าให้กับชีวิตด้วยกลิ่น Lemon Essential Oil กลิ่นหอมที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่นและใช้ประโยชน์ได้หลายขนาน ไม่ว่าจะเป็นการหยดลงไปในอาหารและน้ำดื่มให้มีรสชาติสดชื่นน่ากินขึ้น หรือการหยดลงไปในน้ำยาล้างจานกับน้ำยาทำความสะอาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขจัดกลิ่นคาวและคราบเหนียวได้ง่ายขึ้น หรือจะใส่เครื่องพ่นไอน้ำอโรมาให้กลิ่นหอมช่วยฟอกอากาศให้ปลอดโปร่งขึ้นก็ได้ด้วยเช่นกัน 

3. กลิ่น Lavender Vitality

กลิ่นหอมละมุนละไมจากดอกลาเวนเดอร์ที่คุ้นจมูกใครหลายๆ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้ง่ายขึ้น สามารถนำ Lavender Vitality ไปกระจายกลิ่นในห้องนอนให้นอนหลับสบายขึ้น หรือจะใช้ทาผิวเพื่อลดริ้วรอย หรือรอยแผลเป็นเล็กๆ ก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ Lavender Vitality ยังมีรสชาติที่ละเมียดละไมเหมาะกับกลิ่นส้มและสมุนไพรหลายชนิดด้วย แต่ถ้าใครหาส้มกับสมุนไพรไม่ได้ อาจนำไปผสมกับน้ำผึ้งแล้วดื่มเพื่อสุขภาพแทน

หากใครกำลังหาว่าน้ำมันหอมระเหยซื้อที่ไหน สามารถคลิกที่นี่ เพื่อเลือกดูสินค้าของ Aroma Aromdee และสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายๆ หรือถ้าใครอยากมอบน้ำมันหอมระเหยเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษ Aroma Aromdee ยังมีเซตน้ำมันหอมระเหยชุด Young Living Premium Starter Kit (US) ที่รวมน้ำมันหอมระเหยแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ถึง 12 กลิ่นไว้ในกล่องเดียว รวมถึงโคมไฟที่สามารถเปลี่ยนสีได้ถึง 11 เฉด เพื่อสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลายได้มากขึ้น เหมาะกับการซื้อเป็นของขวัญที่สุด

Search